สะเดา เป็นไม้ยืนต้นโตเร็วชนิดหนึ่ง เจริญได้ดีในแถบร้อน ทนต่อสภาพอากาศแห้ง แล้ง สามารถ
ขึ้นได้ในดินทุกประเภท ยกเว้นดินที่มีน้ำขัง ดินเค็ม เป็นกรด หรือด่างจัด ลำต้นสูง 15-20 เมตร เรือน
ยอดแผ่กว้างรูปไข่ เปลือกไม้ค่อน ข้างหนาสีเทาแก่แตกเป็นร่อง เนื้อไม้ สีน้ำตาลแดง ใบสีเขียวเข้ม ขอบใบหยักเล็กน้อย ผลัดใบช่วงสั้นๆปีละ 1 ครั้ง ในช่วง ออกดอก ประมาณเดือน ธันวาคม-มกราคม ผลมีลักษณะและขนาดคล้าย พวงองุ่น สุกประมาณ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผลสุกมีสีเหลือง หรือ
เหลืองอมเขียว ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด ไม้สกุลสะเดาที่พบในประเทศไทยมี 3 ชนิดคือ สะเดาไทย
สะเดาอินเดีย และสะเดาช้าง
ประโยชน์ของสะเดา
1. เนื้อไม้ เหมาะสำหรับนำไปก่อสร้างบ้านเรือน ทำเสา เข็ม และ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมทั้งเป็นเชื้อเพลิงคุณภาพดี
2. เป็นอาหารและพืชสมุนไพร เช่น ในดอก และยอดอ่อน ใช้เป็นอาหาร และยาเจริญอาหาร ดอกแก้พิษเลือดกำเดา บำรุงธาตุ ผลแก้โรคหัวใจ ยางดับพิษร้อน เปลือกแก้ไข้มาลาเรีย และเป็นยาสมานแผล ผลอ่อนใช้ถ่ายพยาธิ เมล็ดใช้รักษาโรคเบาหวาน
3. เป็นสารป้องกันและกำจัดแมลงสะเดามีสารชนิดหนึ่งชื่อ กะซ้าหอยแรคติหน สามารถ
นำมาสกัด เป็นสารป้องกันกำจัดแมลงได้ พบมากที่สุดในส่วนของเมล็ด
4. ปลูกเพื่อเป็นแนวกันลมและให้ร่ม เนื่องจากมีใบหนาทึบ รากลึก ทนแล้ง ทนดินเค็ม และผลัดใบในเวลาสั้น
5. อื่นๆ เช่น น้ำมันจากเมล็ดสะเดาใช้ทำเชื้อเพลิงจุดตะเกียง เปลือกมีสารแทนนิน ใช้ในอุตสาหะกรรมฟอกหนังกากสะเดาใช้เป็นปุ๋ย ผสมเป็นอาหารสัตว์ เป็นต้น
การขยายพันธุ์สะเดา
วิธีที่นิยมคือ การเพาะเมล็ด โดยเก็บผลสุกจากต้นมาขยำกับทราย และล้างน้ำ เพื่อให้เนื้อ
หุ้มผลหลุดออก แล้วนำไปผึ่งในที่ร่มให้แห้ง อาจเพาะในถุงพลาสติก โดยตรง หรือลงแปลงเพาะขนาด
แปลงเพาะกว้าง 0.75 - 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ สภาพพื้นที่ หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง กลบดิน
หนา 0.5 เซนติเมตร ชั้นบนคลุม ด้วยฟางบาง ๆ รดน้ำเช้าเย็น เมล็ดจะเริ่มงอก ภายใน 5-7 วัน ขนาด
ของกล้าไม้ ในการย้ายชำลง ถุงพลาสติก สามารถย้ายชำได้ ตั้งแต่รากเริ่มปริแทงยอดอ่อนจนถึง
กล้าใหญ่ แต่ถ้าจะให้ผลดีควรย้ายกล้าชำเมื่อมีใบจริงไม่ต่ำกว่า 2 คู่ กล้าที่ชำในถุงพลาสติกควรไว้ใน
ที่ร่ม พอสมควรแล้วค่อยๆ ให้เปิดให้รับแสงแดดที่ละน้อย จนกระทั่งได้รับแสงเต็มที่ ก่อนย้ายปลูก
ประมาณ 1 เดือน
การเตรียมพื้นที่ ไถพรวนปรับพื้นที่ให้เรียบ เก็บเศษไม้และวัชพืช สุมเผาใน ช่วงฤดูร้อน
แล้วปักหลักกำหนดระยะปลูก
ระยะปลูก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการปลูก เช่น ต้องการไม้ขนาดเล็ก ใช้ระยะปลุก
1x2 หรือ 2x2 เมตร ต้องการไม้ใหญ่ สำหรับใช้ในการก่อสร้างและ ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ระยะปลูก 2x4
หรือ4x4 เมตร ต้องการเมล็ดไปทำสารฆ่าแมลง ใช้ระยะปลูก 6x6 เมตร แต่เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ อาจ
ปลูกระยะถี่ก่อน เมื่อเรือนยอด เบียดชิดกันจึงตัดสะเดาบางส่วนไปใช้ประโยชน์ ให้ต้นสะเดาที่เหลือ
มีระยะห่างตาม วัตถุประสงค์การปลูกต่อไป
หลุมปลูก ขนาดที่เหมาะสม คือ กว้างxยาวxลึก ประมาณ 25x25x25 ซม.
วิธีปลูก หลังจากขุดหลุมปลูกแล้ว ตากดินประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ในดิน แล้ว
จึงใส่ปุ่ยร็อคฟอสเฟส รองก้นหลุม อัตรา 150-200 กรัมต่อหลุม หรือครึ่งกระป๋องนม แล้วนำกล้าไม้ที่
เตรียมไว้ ย้ายลงปลูก ขนาดกล้าไม้ที่ เหมาะสมควรสูง 8-12 นิ้ว อายุประมาณ 4-5 เดือน ฤดูปลูก ควร
เป็นฤดูฝน โดยเลือกปลูกหลังจากวันที่ฝนตกหนัก ฉีกถุงพลาสติกใส่กล้าออก วางกล้าลงตรง กลางหลุม กลบดินและกดรอบๆ โคนต้นให้แน่น
การดูแลรักษา
1. การกำจัดวัชพืช ในปีแรกจำเป์นต้องเอาใจใส่กำจัดวัชพืชออกบ้าง เพื่อไม่ให้สูงคลุม
เบียดบังแย่งแสง และอาหาร ต้นสะเดา
2. การใส่ปุ๋ย เมื่อกล้าไม้ที่ปลูกตั้งตัวแล้ว ควรเร่งการเจริญเติบโตด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร15-15-15 ประมาณ 1 ช้อน กาแฟ โดยการพรวนดินรอบโคนต้น แล้วปุ๋ยตาม
3. การริดกิ่ง หากต้องการให้สะเดามีลำต้นตรงเปลา ใช้ประโยชน์ในการแปรรูปได้มากขึ้น ควรหมั่นริดกิ่งอยู่ สม่ำเสมอ
4. การป้องกันไฟ ควรทำแนวกันไฟกว้างประมาณ 6-8 เมตร รอบแปลงปลูก เพื่อป้องกันไฟไหม้ ในฤดูแล้ง
|